http://www.kosondriving.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

สถิติ

เปิดเว็บ29/07/2008
อัพเดท13/01/2022
ผู้เข้าชม1,101,142
เปิดเพจ1,400,255

บริการ

หน้าแรก
บทความ
เว็บบอร์ด
รวมรูปภาพ
ประชาสัมพันธ์

ทำใบขับขี่

เกร็ดความรู้เรื่องรถ

ขับรถหน้าฝนต้องทำอย่างไร?

การขับรถหน้าฝน

     ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงฤดูฝน ผู้ที่เดินทางโดยรถส่วนตัวคงกังวลว่าวันที่ฝนตกควรจะขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย  ไม่ต้องกังวลไปครับ โก้สอนขับรถยนต์  มีเคร็ดลับดีๆ มาบอกครับ

ข้อแนะนำก่อนขับรถลุยน้ำ

      ผู้ที่มีรถส่วนตัวไว้ใช้งาน แม้ว่าจะดูสะดวกสบายกว่าคนที่ไม่มี แต่ใน ฤดูฝนนี้ เป็นเรื่องไม่สบายนัก คุณควรตรวจตราดูรถยนต์ที่ใช้งานประจำวัน เตรียมให้พร้อม ในรถควรมีสายพ่วงแบตเตอรี่ดีๆ สัก 1 ชุด ไฟฉายกระบอกโตที่ใช้งานได้ง่ายๆ ร่มกันฝนหรือเสื้อกันฝน เครื่องมือประจำรถที่มีมาควรตรวจตราดูให้พร้อมใช้งานไม่จำเป็นต้องหาเพิ่มเติม

     ควรจะตรวจตราดูประสิทธิภาพของการชาร์จไฟด้วย ในยามฝนตก รถติด โดยเฉพาะกลางคืน ระบบไฟฟ้าทุกระบบ จะทำงานหมด ไฟหน้า ปัดน้ำฝน แอร์ วิทยุ เทป ซีดี พวกนี้จะกินกระแสไฟ ประกอบกับการใช้รอบ เครื่องที่ต่ำ การชารจ์ไฟทำได้ไม่เต็มที่ ขั้วหลอดไฟ หลอดไฟ แผงฟิวส์ ใบปัดน้ำฝน ต้องตรวจตราให้อยู่ในสภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ กระป๋องฉีดน้ำ กระจก มีน้ำให้เต็มอยู่เสมอ ใช้น้ำยาล้างจาน หรือ แชมพูสระผม ผสมลงไป ประมาณหนึ่งช้อนชา   จะทำให้ใบปัดน้ำฝนทำความสะอาดกระจกได้สะอาดขึ้น

      สำหรับรถเก่า (ตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป) ต้องเอาใจใส่มากหน่อย ถ้าเป็นไปได้ ถอดพรมในรถออก ตรวจตราดูตะเข็บ รอยเชื่อม ปลั๊กยาง พลาสติกอุดพื้นตัวถัง อยู่ในสภาพเรียบร้อยดีหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจก็จัดการอุด ปะ เปลี่ยนใหม่ เพื่อป้องกันน้ำเข้ามาในตัวถังถ้า ฝนตกหนัก และน้ำท่วมมาก หากไม่แน่ใจก็ควรจะถอดพรมออกเก็บไว้ และหาพลาสติคมาปูแทนชั่วคราว เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ซักพรม หรือ ดมกลิ่นอันไม่สุนทรี จากพรมที่ดูดซับน้ำเอาไว้ ทั้งจากรอยรั่ว หรือ การขึ้น-ลงที่ติดมากับรองเท้า เมื่อหมดฝน ก็จะใส่กลับ เข้าไปใหม่ แผงขอบประตู ยางขอบกระจก ตรวจตราดูรอย รั่วฉีกขาดที่จะทำให้น้ำเข้าได้หรือไม่ แบตเตอรี่ ถ้าใช้มานานแล้ว ก็ควร เปลี่ยนเพราะรถติดๆ จะขับด้วยความเร็วรอบที่ต่ำๆ ประสิทธิภาพในการชาร์จไฟ ก็จะน้อยลง และถ้าเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้มานานแล้ว แผ่นธาตุ หรือ คุณสมบัติในการเก็บไฟ อาจจะน้อยลงไปแล้ว ไดชาร์จ หรือ อัลเตอร์เนเตอร์

      ในกรณีที่รู้ตัวก่อนว่าจะต้องขับรถลุยน้ำท่วม และรู้ว่าน้ำนั้นลึกพอจะลุย ผ่านไปได้ ให้เตรียมกระสอบ กระดาษแข็ง ๆ หรือที่ดีที่สุด ก็คือยางปูพื้นรถ กันฝุ่นนำไปผูกไว้ที่กระจังหน้ารถกันน้ำไม่ให้ไหล เข้าห้องเครื่องยนต์ อันอาจจะทำให้เครื่องยนต์ดับ อยู่กลางน้ำ นอกจาก นั้นต้องระวังท่อไอเสียด้วย เพราะหากท่อนี้จมอยู่ใต้น้ำจะทำให้เครื่องดับควรหาท่อหรือสายยางโต ๆ มาครอบเอาไว้ และยกขึ้น ให้เหนือน้ำ นอกจากนั้นก่อนที่จะผ่านบริเวณน้ำท่วมจะต้องรู้แนวจราจรว่าไปในทาง ใด รู้ว่าน้ำลึกเท่าใด ไม่ควรเสี่ยงขับผ่านไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลย เพราะอาจ ตกลงไปในหลุมบ่อหรือคูน้ำข้าง ๆ ควรจอดรอจนกว่าจะเห็นเจ้าถิ่นผู้ชำนาญทางผ่านไปก่อน ให้เขาไปลุยสำรวจทางก่อนแล้วเราขับตาม หากไปคนเดียวก็จอดรถไว้ แล้วลงไปลุยสำรวจด้วยตัวเอง ทำ อย่างนี้ไปเป็นระยะ จนกว่ารถจะพ้นบริเวณน้ำท่วม

ข้อปฏิบัติในการขับรถลุยน้ำ (ท่วม)

-  ควรใช้รอบเครื่องประมาณ 1,500-2,000 รอบ/นาที เพราะรอบเครื่องที่สูงจะทำให้ สายพานตีน้ำกระเด็น เข้าห้องเครื่อง จนดับได้

-  ไม่ควรเปิดแอร์ขณะลุยน้ำลึกเกินกว่า 20 ซม. เพราะใบพัดของพัดลมคอนเดนเซอร์แอร์อาจตีน้ำกระจายในห้องเครื่องได้ และทำนองเดียวกันใบพัดพัดลมอาจตีน้ำจนใบหักได้

-  ในการเปลี่ยนเกียร์ควรถอนคลัตซ์อย่างราบเรียบและรวดเร็วอย่าเลี้ยงคลัตซ์ เพราะอาจทำให้คลัตช์ลื่นได้ง่าย

-  ในการหยุดรถขณะรถยนต์แช่ในน้ำ ไม่ควรเหยียบคลัตช์ค้างไว้

-  ควรรีบเข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยคลัตซ์อย่างนิ่มนวลและรวดเร็ว เพราะถ้ามีน้ำในผ้าคลัตซ์มาก อาจทำให้คลัตช์ลื่นจนรถยนต์ไม่อาจเคลื่อนตัวได้

-  ถ้าเครื่องยนต์ดับขณะลุยน้ำ ส่วนมากจะเป็นเพราะน้ำเข้าไปในระบบจุดระเบิด ซึ่งอาจแก้ไขได้โดยการการฉีดสเปรย์ไล่ ความชื้น หรือใช้ผ้าแห้งเช็ดบริเวณจานจ่ายคอยส์ สายหัวเทียน จากนั้นรอสัก 2-3 นาที จึงสตาร์ทเครื่องยนต์ ถ้าสตาร์ท ไม่ติดภายในการสตาร์ท 3 ครั้ง ควรหยุดแล้วเช็ดระบบจุดระเบิดใหม่ ให้แห้งเพื่อสงวนไฟแบตเตอรี่ที่จะหมดไปในการ สตาร์ท เมื่อสตาร์ทเครื่องติดแล้ว ควรเลี้ยงรอบเครื่องแช่ไว้ที่ 1,200 รอบ/นาที (หรือเหยียบคันเร่งค้างไว้เล็กน้อย) สัก 15-20 วินาที เมื่อแน่ใจว่าเครื่องยนต์ทำงานสมบูรณ์จึงค่อยเคลื่อนรถต่อไป

-  หลังจากขับรถพ้นผิวจราจรที่มีน้ำท่วมควรเหยียบเบรคเป็นครั้งคราว เพื่อไล่น้ำจากผ้าเบรค และระบบเบรค จะทำให้ การทำงานของระบบเบรค กลับเข้าสู่สภาพเดิม

-  เบรคติด เพราะจอดทิ้งไว้หลังลุยน้ำ ติดเครื่องเข้าเกียร์ 1 ให้รถเคลื่อนจากนั้นเหยียบเบรค อย่างแรง ต่อจากนั้นเข้าเกียร์ถอย ให้รถเคลื่อน แล้วเหยียบเบรคอย่างแรงสลับกันจนกว่าเบรคจะหลุด

สำหรับรถเกียร์ออโตเมติกไม่ควรขับรถลุยน้ำ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากการลุยน้ำแล้ว ในวันรุ่งขึ้น ควรนำรถเข้าตรวจ เช็คระบบเกียร์หากมีน้ำเข้าควรทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่ เพื่อให้รถ ของท่านที่ผ่านการลุยน้ำมา ใช้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพเหมือนเดิม

-  ในตอนเช้าหลังจากลุยน้ำมา รถยนต์ของคุณอาจมีอาการเข้าเกียร์ไม่ได้ เพราะคลัตช์ติด การแก้ไขทำได้โดยหาถนนโล่ง ๆ ประมาณ 30-50 เมตร ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้สักครู่จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่อง จากนั้นเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สตาร์ทเครื่องทั้ง ที่เข้าเกียร์ 1 รถจะวิ่งไปข้างหน้า เมื่อเครื่องติดรถเริ่มวิ่ง ลองดูว่าคลัตช์หลุดหรือไม่ ถ้ายังไม่หลุดให้ลอง ปฏิบัติตามข้างต้นใหม่ (วิธีนี้ค่อนข้างอันตราย ควรหาที่ "โล่ง" จริงๆ และปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง)

view

ปฎิทิน

« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

หน้าแรก

อัตราค่าเรียน

 รวมรูปภาพ

view